ทำไมกล่องกระดาษจั่วปังราคาแพงจัง

ทำไมกล่องกระดาษจั่วปังราคาแพงจัง
ทำไมกล่องกระดาษจั่วปังราคาแพงจัง

วั นหนึ่ง หากคุณมีสินค้าที่คุณอยากนำเสนอออกสู่ตลาดเพื่อการขาย คุณต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ดูดี เพื่อให้แน่ใจว่าจะช่วยดันยอดขายหรือทำให้สินค้าของคุณดูมีราคาขึ้นมาล่ะกัอ กล่องกระดาษแข็ง (#กล่องจั่วปัง) มักจะอยู่ในความคิดอ่านลำดับต้นๆ แน่นอนคุณย่อมอยากทราบว่า ราคาใบละเท่าไรล่ะ (คุณจึงต้องคำนวณต้นทุนในใจว่า คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่) เป็นที่สังเกตุ รับรู้ได้ที่กล่องบรรจุภัณฑ์แบบนี้มันดูดี มีราคา สามารถทำให้สินค้าดูมีคลาสขึ้นมาเลยทีเดียว ใครๆ ก็อยากได้ หรือใครจะไม่อยากหล่ะ? คำถามที่ตามมา คือ ทำไมกล่องกระดาษจั่วปังราคาแพงจัง

สิ่งที่ผมอยากบอกและชวนให้มองให้ลึกลงไป คือ กล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษแข็งหรือกล่องจั่วปังนี้ จะช่วยสร้างคุณค่าการยอมรับผ่านความรู้สึกในใจของผู้บริโภคโดยอัตโนมัติว่า สินค้าข้างในจะต้องเป็นของคุณภาพดี มีราคา ทรงคุณค่าอย่างแน่นอน นี่เป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วจากเหล่าผู้ผลิตกล่องชั้นนำในประเทศจีน ถึงมุมมองที่เจ้าของสินค้านำเสนอและสามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากซื้อผลิตภัณฑ์นั้นๆ

แต่…… ทำไมกล่องกระดาษจั่วปังราคาแพงจัง

ราคาในการสั่งผลิตกล่องนี่นะสิ ค่อนข้างสูงเอาการทีเดียว ทำให้หลายๆ คน ชะงักงันและเปลี่ยนใจไปในที่สุด ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม แต่ปัจจัยหลักที่สามารถสรุปได้ มาจากเรื่องของ “ ราคา “ การสั่งผลิตค่อนข้างแน่นอน หลายคนอาจไม่สามารถจัดงบประมาณเพื่อสั่งซื้อได้ เป็นที่น่าเสียดาย (ทั้งจากผู้ซื้อ และ​ “ โรงงานของผม “ ที่พลาดโอกาสที่จะผลิตกล่องดีๆ สวยๆ ให้เขา) หากว่า คุณ (ที่เป็นเจ้าของสินค้า และ/หรือ ผู้ที่ต้องการสั่งผลิตกล่อง) สามารถค้นพบผู้ผลิตรายอื่นที่สามารถกำหนดราคาได้ถูกกว่าที่ผม ก็ยินดีด้วย อย่างไรก็ตาม ผมมีข้อคิดและข้อสังเกต เกี่ยวกับสาเหตุว่า ทำไมราคากล่องกระดาษแข็ง จึงราคาสูง หรือแพงกว่ากล่องบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ซึ่งมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง คือ

▪ การขึ้นรูปกล่องกระดาษแข็ง

มีขั้นตอน เครื่องมืออุปกรณ์ แม่พิมพ์ขึ้นรูป และอื่นๆ รวมเรียกว่า “ tooling “ ที่เกี่ยวข้องมากชิ้น มากจำนวนกว่ากล่องลูกฟูก (Corrugated Box) และกล่องกระดาษแบบพับได้ (Folding Carton) อยู่มาก โดยเฉพาะการทำงานในแต่ละขั้นตอน ละเอียดและซับซ้อนกว่าหลายประการ

▪ กล่องกระดาษแข็ง (ในบ้านเรา) โดยมาก มักเป็นงานที่ประกอบด้วยมือ

ซึ่งเป็นงานทักษะฝีมือล้วนๆ อาศัยแรงงานจำนวนมากและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจริงๆ ดังนั้น นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักใหญ่ที่ทำให้มีต้นทุนที่สูง ปริมาณในการผลิตจึงไม่เหมาะที่จะทำคราวละจำนวนมากๆ สำหรับโรงงานของผม มีความทันสมัยกว่า เนื่องจากผลิตด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำให้สามารถชดเชยข้อจำกัดในเรื่องปริมาณการผลิต ซึ่งเครื่องจักรสามารถผลิตได้รวดเร็วกว่า และเที่ยงตรงกว่า การประกอบด้วยแรงงานมือ และสามารถผลิตจำนวนมากในเวลาที่รวดเร็วกว่า อย่างไรก็ดี การผลิตด้วยเครื่องจักรมีขั้นตอนการติดตั้งที่ซับซ้อนกว่า และมีค่าดำเนินการสูงกว่า หากผลิตจำนวนน้อย ก็จะมีผลต่อราคาการผลิตต่อหน่วยเช่นกัน

▪ กล่องกระดาษแข็งเหล่านี้ มักจะห่อหุ้มผิวนอกด้วยวัสดุกระดาษหุ้มที่มีมูลค่า

ราคาค่อนข้างสูง นี่เป็นสาเหตุหลักประการหนึ่ง ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง ทั้งนี้ เหมาะกับสินค้าที่มีมูลค่าสูงและส่วนต่างในกำไรจากสินค้าคุ้มค่าเพียงพอที่จะผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิดนี้ เพื่อการปกป้องสินค้าให้ไปถึงปลายทางหรือถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัย ตลอดจนการทำหน้าที่เป็นพนักงานขายเงียบสำหรับสินค้านั้นๆ ไปในตัว

▪ ตัววัตถุดิบหลัก

ซึ่งก็คือ กระดาษแข็งภายในแกนกลาง นี่เอง ราคาแผ่นกระดาษแข็ง ต้นทุนราคาแพงกว่า กระดาษกล่องธรรมดาที่ใช้ผลิตกล่องแบบพับได้ หรือแม้กระทั่งกระดาษการ์ดอาร์ตเอง ยิ่งมีความหนามากขึ้น ราคาต่อแผ่นก็สูงตาม นี่เองเป็นอีกหนึ่งต้นทุนสำคัญมาก ที่ทำให้ตัวกล่องกระดาษแข็งจั่วปังมีราคาในการผลิตค่อนข้างสูง ที่สำคัญอีกประการก็คือ กล่องกระดาษแข็งส่วนใหญ่ จะเป็นกล่องที่ถูกขึ้นรูปสำเร็จ ทำให้กินเนื้อที่จัดเก็บ (ไม่สามารถพับแบให้แบนราบได้แบบกล่องกระดาษแบบพับได้ แม้ว่า การออกแบบบางรูปแบบจะสามารถทำให้กล่องกระดาษแข็งพับได้บ้างแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องเนื้อที่ การส่งมอบ การขนส่ง และน้ำหนักด้วยเช่นกัน) โดยเฉพาะอาจทำให้สินค้ามีต้นทุนเกี่ยวกับการขนส่งเพิ่มขึ้นอีกต่างหากได้ด้วย

ดังนั้น คำตอบที่สามารถอธิบาย

ด้วยเหตุผล ทำไมกล่องกระดาษจั่วปังราคาแพงจัง จึงสะท้อนกลับมาให้ผมสรุปว่า การที่กำหนดรับผลิตขั้นต่ำของผมนั้น สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายดำเนินในย่อหน้าข้างบน ไม่ว่าคุณจะสั่งผลิตที่ 100 กล่อง หรือ 300, 500, 1000 กล่อง ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ยังคงถูกรวมอยู่ในต้นทุนทุกระดับจำนวน หากคิดในเทอมความคุ้มค่าจะพบว่า การผลิตที่จำนวนหน่วยมากชิ้น จะเฉลี่ยทำให้ต้นทุนของกล่องกระดาษจั่วปัง ราคาต่อกล่องประหยัดลงอย่างมาก เพราะตัวหารมากกว่า ผมสรุปเช่นนี้เกิดจากการสะสมประสบการณ์ข้อมูลในการทำเสนอราคาเป็นพันครั้งในระยะเวลาเกือบๆ 5 ปีนับแต่เริ่มเปิดดำเนินธุรกิจนี้ พบว่า จำนวนขั้นต่ำ 300 กล่องที่จะสั่งผลิตคุ้มค่าและได้รับการยอมรับเรื่องราคาต่อหน่วยได้ดี และในที่สุดที่ผู้สั่งผลิตกล่องเข้าใจ ท่านก็มักจะเพิ่มจำนวนขึ้นเมื่อเห็นว่า จะสามารถประหยัดและคุ้มกว่าหากสั่งจำนวนมากขึ้น

ผู้ผลิตกล่องทั่วไปบางรายไม่มีความรู้ความชำนาญในการผลิตกล่องจั่วปังหรือกล่องกระดาษแข็งตามที่ผมอธิบายมาข้างต้น ก็จะใช้วิธีการจำลองแบบเพื่อจะเสริมบุคลิกของบรรจุภัณฑ์กล่องให้ดูคล้ายเพื่อนำมาใช้ในการบรรจุสินค้าเช่นกัน วัตถุประสงค์หลัก ก็คือ หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการสั่งผลิตที่ค่อนข้างสูงในกล่องกระดาษแข็งมาใช้กล่องที่มีการเลียนแบบรูปร่างให้ดูคล้าย ย้ำ!! นะครับว่า ดูคล้าย เช่นกล่องที่มีผนังสองชั้น (Double Walls box) หรือมากชั้นกว่า หรือแม้กระทั่งใช้กล่องลูกฟูก ลอนE ปะกบผิวด้านหน้า แล้วบอกลุกค้าตนเองว่า นี่เป็นกล่องจั่วปัง ด้วยการทำเป็นรูปทรงต่างๆ ที่ดูละม้ายคล้ายกัน ทำให้ดูหนาทึบ ในด้านความรู้สึก น่าจะช่วยชดเชยความพึงพอใจแก่เจ้าของสินค้าเองได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งการเสริมหรือพับด้วยการออกแบบให้กล่องมีความหนา และน้ำหนักกระดาษดังกล่าว หากไม่ได้อธิบายความจริงแก่เจ้าของสินค้า ก็ไม่ต่างกับการหลอกลวงลูกค้าของเขาเอง

ผมได้รับการสอบถามเพื่อยืนยันความเชื่อของลุกค้าเหล่านั้นด้วยตนเอง แม้ในจรรยาบรรณวิชาชีพ ผมจะไม่ได้กล่าวโทษผู้ผลิตเหล่านั้น แต่การอธิบายโครงสร้างของกล่องที่ถูกต้องต่อลูกค้าผู้สอบถามผมเข้ามาเป็นจำนวนมากรายเข้า ก็ทำให้เข้าใจได้เช่นกันว่า ลุกค้าได้เสียรู้หรือถูกปิดปังความจริง ซึ่งผมก็ได้แต่เห็นใจ และนำมาเขียนเล่าเป็นบทความให้อ่าน หากว่ามีผู้สนใจมาสืบค้นข้อมูลจะได้ทราบความแตกต่างระหว่าง กล่องกระดาษจั่วปัง กับกล่องที่ทำเลียนแบบดังที่ผมอธิบายนั้นเป็นอย่างไร หากสนใจว่า กล่องกระดาษแข็งต่างกับกล่องกระดาษแบบพับได้อย่างไร อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความที่ผมเขียนก่อนหน้าได้ ที่นี่

สินค้าหลายๆ อย่าง ผมเองยังคิดว่า ไม่จำเป็นต้องใช้กล่องกระดาษแข็ง หรือแม้แต่การทำกล่องเลียนแบบด้วยการทำกล่องหลายชั้นกับทุกชนิดของสินค้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพการแข่งขันในท้องตลาด หรือสถานการณ์ของสินค้าเหล่านั้นเอง ซึ่งการมีบรรจุภัณฑ์ที่ดูดี อาจมีส่วนช่วยได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับวิจารณญาน สภาพการตลาดและการแข่งขัน งบประมาณ ภาพลักษณ์ของสินค้า จุดยืนหรือจุดแข็งของสินค้า อัตลักษณ์ของสินค้าของท่าน